z35W7z4v9z8w

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

รวมบทความน่าอ่าน โรคเท้าเหม็น..คุณเป็นหรือเปล่า

ที่มาภาพ:เท้าแบน
          
          โรคเท้าเหม็น (Pitted Keratolysis) เป็นโรคที่พบมากในเขตร้อน พบได้ทัังเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ชายและผู้หญิง แต่จะพบได้บ่อยในผู้ชาย เพราะมีเหงื่อออกที่ฝ่าเท้ามากกว่า และผู้ชายมักสาวมถุงเท้าอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการหมักหมมบริเวณเท้า

          คนเป็นโรคเท้าเหม็น หากสังเกตก็จะเห็นหลุมเล็กๆ ที่ฝ่าเท้า บางครั้งหลุมอาจรวมตัวกันเป็นแอ่งเว้าตื้นๆ มักพบตามฝ่าเท้าที่รับน้ำหนักและที่ง่ามนิ้วเท้า อาการที่แสดงออกของโรคเท้าเหม็นคือ ร้อยละ 90 เท้ามีกลิ่นเหม็นมาก ร้อยละ 70 คือ เวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า่วนอาการคันนั้นพบได้น้อยเพียงร้อยละ 8 เท้านั้น
          1.จงเข้าใจว่าศรัตรูของเท้าไม่ใช่ความแห้ง แต่เป็นกลิ่น ดังนั้นไม่ควรหมักหมมเท้าไว้ในรองเท้าให้นานเกินไป ควรหาเวลาถอดเพื่อระบายเหงื่อ หรือใช้สเปรย์แป้งเพิ่มความสดชื่นให้แก่เท้าอยู่เสมอ
          2.เวลาล้างเท้าวรล้าอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะบริเวณแต่ละง่ามนิ้วเท้า ควรใช้สบู่เด็กหรือผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดโดยเฉพาะ เพราะบริเวณนั้นเป็นแหล่งรวมของเชื้อราเลยทีเดียว จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด
          3.ควรประณีตกับการล้างเท้าสักหน่อย โดยการใช้ หินลอย (Pumice Stone) มาขัดหนังที่แข็งกระด้างออก และไม่ลืมที่จะใช้เวลาในการเช็ดเท้าให้แห้งสนิทมากที่สุดด้วย
         4.แล้วเมื่อเท้ามีอาการปวดเมื่อยจากการเดินหรือวิ่งก็ตาม ง่ายๆ เลยเพื่อระงับความปวดเมื่อยคือการนำเท้าไปแช่น้ำอุ่น (ผสมเกลือ) สัก 10-15 นาทีแล้วยกออก ตามด้วยการจุ่มน้ำเย็นสัก 1-2 นาที ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และยังทำให้ผิวเท้านุ่มขึ้นอีกด้วย   
          5.เมื่อมีเวลาว่าง ก็ควรนำเท้าไปนวดครีมหรือนวดน้ำมัน เพื่อรักษาผิวให้มีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ
          6.ไม่ควรใส่รองเท้าที่คับจนเกินไป เพราะนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดแล้ว ยังทำให้เกิดแผลและตาปลาอีกด้วย
          7.ไม่ควรทำเล็บที่ร้านเสริมสวย หรือใช้เครื่องมือของทางร้านเพื่อป้องกันความสกปรกหรือโรคผิวหนังที่จะติดมากับเครื่องมือเหล่านั้น (ทำด้วยตัวเองดีที่สุด)  
 
สูตรผสมน้ำระงับกลิ่นเท้า
- น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูกับด่างทับทิม
- น้ำอุ่นผสมส้มฝานบางๆ อาจใช้มะนาวแทนก็ได้
- น้ำอุ่นผสมกระเทียมทุบ 2-3 กลีบ
- น้ำอุ่นผสมน้ำมะขามเปียก
- ้ำชาจีนอุ่นๆ ต้มแก่ๆ (สตรนี้จะไม่ถูกกรดอ่อนๆ กัดเท้าเหมือนสูตรอื่น)   
 
รวมบทความน่าอ่าน
ที่มาบทความ:หนังสือสุขภาพทราบก่อนป่วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทีวีออนไลน์

ชอบกด Like ใช่กด Share