นอนกรนเพชฌฆาต (ไม่) เงียบ
บทความน่ารู้ : เรื่องนอนกรนเพชฌฆาต (ไม่) เงียบ
เสียงกรนเกิดจากเหตุและปัจจัยมากมายหลายอย่างแต่สาเหตุ
สำคัญที่นำไปสู่การกรนก็คือ โรคความดันโลหิต เบาหวาน โรคหัวใจ โรคนอนกรน
รวมถึงโรคอ้วน
โดยเสียงกรนจะเกิดจากการที่อากาศเคลื่อนตัวผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง เช่น
บริเวณที่มีเนื้อเยื่ออ่อน นุ่ม
หรือหย่อนเกินไปหรือบริเวณที่ไม่มีอวัยวะส่วนแข็งค้ำยัน
ซึ่งเป็นบริเวณที่สามารถเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจได้ง่าย เช่น
ส่วนเพดานอ่อน ลิ้นไก่ โคนลิ้น กล้ามเนื้อ และเยื่อบุของลำคอ
อาการของโรคคนนอนกรนมีอยู่ 2 ประเภท คือ
อาการนอนกรนธรรมดา ซึ่งไม่อันตราย เพราะจะไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
อาการนอนกรนอันตราย ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ
เพราะอาจจะเกิดการหยุดหายใจขณะหลับ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ป่วยนอนหลับไม่สนิท
สะดุ้งตื่นเป็นช่วงๆ จึงไม่ได้พักผ่อนเต็มที่
ซึ่งจะส่งผลต่อการทำกิจกรรมในช่วงเวลากลางวัน เช่น การเรียน การทำงาน
สำหรับการรักษาผู้ที่มีอาการนอนกรน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
จำเป็นที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
โดยแบ่งการรักษาออกเป็น 3 วิธีคือ
การรักษาโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ซึ่งเป็นวิธีแรกที่แพทย์จะแนะนำแก่ผู้ป่วย
โดยเริ่มจากการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยานอนหลับ ฯลฯ
รวมถึงการปรับเปลี่ยนท่านอน โดยไม่ควรนอนหงาย
การรักษาโดยใช้เครื่องหายใจขณะนอน ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวจะช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น ลดการอุดกั้นขณะนอนหลับ
การรักษาโดยวิธีผ่าตัด หากทั้ง 2
วิธีข้างต้นไม่สามารถทำให้อาการนอนกรนดีขึ้น
การผ่าตัดเพิ่มขนาดของทางเดินหายใจส่วนบนจะเป็นอีกทางหนึ่งในการรักษา
เพื่อแก้ไขการอุดกั้นในระบบทางเดินหายใจโดยแพทย์จะวินิจฉัยชนิดและตำแหน่ง
ของการอุดกั้นทางเดินหายใจและเลือกวิธีที่เหมาะสม
แต่การผ่าตัดนั้นจะแก้ไขได้เพียงจุดเดียว ซึ่งอาจไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น
จึงอาจต้องมีการผ่าตัดซ้ำๆ เพื่อแก้ไขทางเดินหายใจส่วนที่แคบในบริเวณอื่น
นอกจากนี้ผู้ป่วยก็ต้องดูแลตนเองด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้น
เพราะความอ้วนทำให้ไขมันไปสะสมอยู่รอบผนังช่องคอ ทำให้ส่วนนี้กลับมาแคบใหม่
และเป็นเหตุให้เกิดการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับกลับมาเป็นเหมือนเดิม
รวมถึงยังควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนตึงตัว
กระชับและชะลอการหย่อนยาน
เห็นไหมว่า ถึงอย่างไรการออกกำลังกายและการควบคุมน้ำหนักก็ยังเป็นตัวช่วยสำคัญอยู่ดี
รวมบทความน่าอ่าน
ข้อมูลจาก:http://www.thaibizcenter.com/knowledgecenter.asp?kid=11144 |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น